10 อันดับฮอนด้าหายากที่คุณอาจไม่รู้อะไรเกี่ยวกับมันเลย
เป็นที่รู้กันครับว่า ฮอนด้า กับรถมอเตอร์ไซค์ มีประวัติมาอย่างยาวนานกว่า 56 ปีแล้ว และแน่นอนว่า ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมานั้น ทาง ฮอนด้า ได้ออกแบบ และผลิตรถมอเตอร์ไซค์มาอย่างมากมายหลายรุ่นด้วยกัน และในบทความนี้ ผมจะพาทุกคนมารู้จักและพบกับ 10 อันดับน่าสนใจของมอเตอร์ไซค์ฮอนด้าหายากคุณอาจไม่เคยเห็นมาก่อน
อันดับที่ 10 Roller Through GoGo
เริ่มต้นด้วยอันดับที่ 10 กับ Roller Through GoGo ซึ่งอาจจะดูว่าขี้โกงนิดนึงตรงที่มันไม่มีเครื่องยนต์ แต่ Roller Through GoGo (หรือ Kick’n’Go ในอเมริกา) เป็นหนึ่งในความพยายามที่จะสร้างใหม่ที่ไม่ได้ผลตามแผนที่วางไว้ เริ่มแรกทาง ฮอนด้า ต้องการสร้างสกู๊ตเตอร์สามล้อสำหรับเด็ก แต่แทนที่จะใช้เท้าเราไถไปกับพื้น ก็จะมีเหล็กที่ถูกสร้างเป็นคันโยกที่ด้านหลังของรถคันนี้ ซึ่งก็มียอดขายและผลตอบรับที่ค่อนข้างดี แตก็ถูกยกเลิกการผลิตไปในปี 1976 (พ.ศ.2519) หลังจากเด็กสองคนเสียชีวิตจากอุบัติเหตุขณะขี่ จึงทำให้ทุกวันนี้ Roller Through GoGo เป็นรถ ฮอนด้าหายาก และกลายเป็นของสะสมในปัจจุบัน
อันดับที่ 9 Z100 Monkey
Z100 Monkey หลายคนคงจะรู้จักกับ Honda Monkey กันอยู่แล้ว แต่ก่อนที่จะมี Monkey 50cc ที่เป็นรุ่นสะสมของหลายๆคนที่เล่นรถ Mini bike ก็จะเป็นเจ้า Monkey รุ่น Z100 ที่ถูกผลิตขึ้นในปี 1961 (พ.ศ.2504) ถูกวางจำหน่ายอยู่ 6 ปีเต็ม หลังจากนั้นก็ได้ผลิตเจ้า Monkey Z50M ออกมาวางจำหน่ายขายดีเป็นเทน้ำเทท่า และยังคงพัฒนาและผลิตเจ้า Monkey จนถึงปัจจุบัน
อันดับที่ 8 ZB50 Monkey R
ZB50 Monkey R ต่อกันด้วย Monkey อีกคัน รุ่นนี้มีชื่อว่า Monkey R ซึ่งได้รับการพัฒนามาจากรุ่นพี่ Z100 จนกลายมาเป็น ZB50 ที่เปิดตัวและวางจำหน่ายในปี 1987 (พ.ศ.2530) โดยปรับแต่งให้ตัวรถมีความสูงขึ้น ช่วงล่างที่ดีขึ้น (กว่ารุ่นก่อน) และสิ่งที่ทำให้มันเป็นรถสะสมหายากอีกรุ่นก็คือ มันถูกผลิตขึ้นมาถึงปี 1988 (พ.ศ.2531) เพียงแค่ 1 ปีเท่านั้น จึงเป็นสาเหตุทำให้เจ้า ZB50 รุ่นนี้ กลายเป็นของสะสมหายากไปในทันที
อันดับที่ 7 CT50 Motra
CT50 Motra ถูกออกแบบมาให้เป็นรถที่ใช้ขี่สำหรับวันหยุด เดินทางใกล้ๆ และที่สำคัญคือ สามารถลุยป่าได้ (ออกแนวของรถจี๊ปสองล้อ) โดยมีเครื่องยนต์ 50cc ของ C50 เป็นพื้นฐาน 3 เกียร์ มีสเตอร์หน้าแบบคู่ซ้อนกันเพื่อใช้ปรับเปลี่ยนรูปแบบการขี่ระหว่างเกียร์ off-road และ on-road และถึงแม้ว่าจะมีรูปร่างที่ดูใหญ่พอสมควร แต่มีน้ำหนักตัวอยู่เพียง 76 กก. ซึ่งเจ้า Motra ก็มีสายการผลิตจำนวนไม่มากนัก โดยเริ่มผลิตและวางจำหน่ายในปี 1982-1983 (พ.ศ.2525-2526 )ที่สำคัญ วางจำหน่ายเฉพาะในญี่ปุ่นเท่านั้น
อันดับที่ 6 Juno M80/M85
Juno M80/M85 ไม่ใช่รถสกู๊ตเตอร์รุ่นแรกของ ฮอนด้า แต่ Juno M80/M85 ถูกผลิตขึ้นมาเพื่อตอบโจทย์คนที่ชื่นชอบการเดินทางไกลที่ขับขี่ง่าย (สมัยนี้ก็คงเป็นแนวๆ Forza) ผลิตและจัดจำหน่ายในปี 1961 (พ.ศ.2504) แต่รุ่นแรกจริงๆถูกผลิตและจัดจำหน่ายในปี 1954 (พ.ศ.2497) ในชื่อรุ่นว่า Juno K แต่สิ่งที่ทำให้ Juno M80/M85 นั้นแตกต่างจาก Juno K ก็คือ ใช้ตัวถังไฟเบอร์กลาสใช้เครื่องยนต์บ็อกเซอร์ 2 สูบ (แบบเดียวกับ BMW GS) ซึ่งรุ่น M80 ใช้เครื่องยนต์ 124cc และ M85 ใช้เครื่องยนต์ 169cc และใช้ระบบเกียร์แบบไฮดรอลิกแบบไม่ใช้คลัตช์ เปิดสายการผลิตเพียง 1 ปี โดยทั้ง 2 รุ่นนั้น มีจำนวนไม่เกิน 6,000 คัน
อันดับที่ 5 FC50 Beat
FC50 Beat เปิดเผยสู่สาธารณะชนครั้งแรกในปี 1983 (พ.ศ.2526) ในชื่อรุ่น FC50 ซึ่งเป็นสกู๊ตเตอร์ที่ดูล้ำยุคในยุคดังกล่าว โดยใช้เครื่องยนต์ 49cc 2 จังหวะ 1 สูบ ที่มีวาวล์ไอเสียไฟฟ้า (V-TACS) ที่เปิดปิดได้โดยผู้ขับขี่ด้วยการใช้เท้าแป้นเหยียบที่แป้นกดที่อยู่ตรงพักเท้าซ้าย ซึ่งการจะเปิดวาวล์ไฟฟ้าให้ได้ประสิทธิภาพดีที่สุด คือ ผู้ขับขี่ต้องใช้รอบ 5500 rpm ขึ้นไปถึงจะได้ประสิทธิภาพสูงสุด
อันดับที่ 4 Zook
Zook ถูกออกแบบด้วย Concept ที่เรียบง่าย เล็ก ประหยัด น้ำหนักเบาและคล่องตัวที่สำคัญราคาไม่แพง ถือได้ว่าเป็นแนวคิดต้นแบบที่ส่งผลมาถึงรถสกู๊ดเตอร์ขนาดเล็กในปัจจุบันได้เป็นอย่างดี แต่ก็อาจจะมีข้อด้อยหลายอย่าง เช่น นั่งได้เพียงคนเดียว ไม่มีที่ใส่ของ ซึ่งก็เป็นรถ ฮอนด้าหายาก อีก 1 รุ่นที่ถูกผลิตและจัดจำหน่ายในปี 1990 (พ.ศ.2533) เพียง 1 ปีเท่านั้น
อันดับที่ 3 Road Fox
Road Fox เป็นรถที่หายากมากๆ รูปร่างหน้าตาออกแนวลูกผสมระหว่างชอปเปอร์กับรถบังคับชายหาด เบาะนั่นไม่สูงมากนัก ให้อารมรถโกคาทนิดๆ ช่วงล่างด้านหลัง ถูกออกแบบให้เอียงได้แบบ Honda Gyro (รถ 3 ล้อคันเล็กๆที่เห็นได้เยอะในบ้านเราอะ) ถูกเปิดตัวในปี 1984 และหายไปในปี 1985 เพียงปีเดียวเท่านั้นที่ผลิตและวางจำหน่าย
อันดับที่ 2 AX-1
AX-1 เปิดตัวครั้งแรกในปี 1988 (พ.ศ.2531) ในประเทศญี่ปุ่นด้วยเครื่องยนต์ 250cc 1 สูบ ระบายความร้อนด้วยน้ำ ถูกออกแบบให้ผสมผสานระหว่างล้ออัลลอยและยางกึ่งหนาม ซึ่งเป็นต้นแบบของรถ Adventure ให้รถในยุคนี้ แต่ย้อนกลับไปเมื่อ 32 ปีก่อน ถือว่าเป็นเรื่องใหม่พอสมควร ทั้งเครื่องยนต์ 4 จังหวะ และการระบายความร้อนด้วยน้ำ และแรงม้าที่มีเพียง 25 ตัว (250cc 2 จังหวะในยุคนั้นจะมีแรงม้าราวๆ 45 ตัว) แน่นอนว่าในยุคนั้น ผู้บริโภคเลือกที่จะซื้อรถที่ใช้เครื่องยนต์ 2 จังหวะอย่าง Yamah TDR250 แต่สุดท้ายในยุคปัจจุบัน AX-1 กลับกลายเป็นรถที่ควรมีเก็บไว้่ในโรงจอดอีก 1 รุ่นเช่นกัน
อันดับที่ 1 VT250 Spada
VT250 Spada หากวันนี้ ฮอนด้า เปิดตัวรถ Sport Naket ที่ใช้เฟรมอลูมิเนียมหล่อและเครื่องยนต์ V-twin ระบายความร้อนด้วยน้ำขนาด 250cc 40 แรงม้า ก็คงจะมีราคาค่าตัวที่มากพอสมควรเมื่อเทียบกับ CB300R ที่มีจำหน่ายอยู่ในปัจจุบันที่ใช้เฟรมเหล็ก เครื่องยนต์ 1 สูบ 30 แรงม้า ซึ่งการจะได้มาซึ่งป้าย “CASTEC” ในยุคนั้นมานั้นไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะเนื่องจาก VT250 Spada นั้น ใช้เฟรมอลูมิเนียมแบบหล่อ ไม่ใช่แฟรมแบบอัดขึ้นรูปหรือเชื่อม ซึ่งในยุคนั้นถือว่าเป็นเรื่องใหม่มาก แต่เมื่อเทียบกับปัจจุบัน เฟรมแบบหล่อจะอยู่ในรถที่ที่เน้น performance เท่านั้น และเรื่องใหม่อีกอย่างคือ ให้เกียร์มาถึง 6 เกียร์ด้วยกัน (ในยุคนั้นส่วนใหญ่รถมอไซค์ไซต์นี้จะเป็น 5 เกียร์)
VT250 Spada ถูกผลิตและจำหน่ายในช่วงปี 1989 (พ.ศ.2532) และมียอดขายที่ไม่หวือหวาเท่าไหร่ สุดท้าย Spada ก็หายไปจากการทำตลาดเพียง 1 ปี จึงขึ้นมาเป็นอันดับ 1 ของ ฮอนด้าหายากในบทความนี้